มาร์ค''ไม่หวั่นยุบสภา!ภม.แก้เผ็ดสั่งฟรีโหวต
ปชป.หักดิบพรรคร่วมรัฐบาล มิต 82 ต่อ 48 ไม่แก้ รธน.พวงใหญ่เรียงเบอร์ แถมล็อก ส.ส.ไม่ให้ฟรีโหวตอีกชั้น เผย เทือก เจอรุมถล่มยับเยินมาร์ค ไม่กลัวยุบสภา-แพ้ซักฟอก เย้ย เนวิน ราคาคุยสู้ แม้ว ไม่ได้ ชี้ต้องชนะด้วยศรัทธาเท่านั้น อ้างไม่เคยสัญญิงสัญญาแก้ รธน. กับใครที่ไหน ส่วน แม่ นมอมทุกข์ เครียดไม่มีหน้าไปแจ้งข่าวร้าย ฝ่ายลูกแถวจับตานับถอยหลังยุบสภา ด้าน พรรคร่วม ยังหวัง ปชป. กลับลำช่วยโหวต เนวิน แขวะปอดแหก ปู่จิ้น แบะท่าไฟเขียวลูกพรรคสวนหมัด ขณะที่กองทัพ ปัดข่าวปฏิวัติพัลวัน ส่วน บิ๊กป๊อก-บิ๊กตู่ หายเข้ากลีบเมฆ บิ๊กป้อม ยันการเมืองแก้ปมเอาเอง เทือก มั่นใจ ผบ.เหล่าทัพไม่ยึดอำนาจ แจงเคลื่อนรถถังมาซ่อมก่อนส่งไปนอก สหรัฐ ฮึ่มตอบโต้รัฐประหาร ด้าน เหลิม ชี้ บิ๊กรัฐบาลสั่งทหารช่วยรักษาเก้าอี้ ฝ่ายรัฐบาลน้อมรับพระราชดำรัสในหลวง
* เทือกน้อมรับพระราชดำรัส
เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ตุลาการศาลปกครองที่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ โดยทรงย้ำเตือนเรื่องความเป็นกลางและความยุติธรรมต่าง ๆ ว่า กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่าเป็นมงคลสูงสุดของประเทศ ทุกฝ่ายต้องรับใส่เกล้าไปปฏิบัติ ถ้าพวกเราได้ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ บ่อยครั้งที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติทางด้านความคิด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน กระแสพระราชดำรัสแล้วแต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่ได้รับใส่เกล้าไปปฏิบัติก็บังเกิดเป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด
* ทรงย้ำเตือนสติคนไทยทุกคน
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลเทิดทูนในพระบารมีและมีความจงรักภักดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเรื่องที่คณะรัฐบาลต้องรับใส่เกล้ายึดเป็นแนวทางในการปฏิบัติ แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นผู้ที่จะต้องพิจารณาพิพากษาคดีความทั้งหลาย เหมือนกับคณะตุลาการศาลปกครอง แต่งานของรัฐบาลในหลายเรื่องที่ต้องอำนวยความยุติธรรมก็จะต้องทำอย่างตรงไปตรงมา
ต่อข้อถามว่า แสดงว่าจะต้องมีสิ่งผิดปกติอะไร เพราะทรงย้ำเตือนนานมาก นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ใช่ พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสในวโรกาสต่าง ๆ ได้ทรงแนะนำย้ำเตือนทุกครั้ง และทั้งหมดจะทำให้พี่น้องประชาชนคนไทย ข้าราชการทั้งหลายจะได้มีสติระลึกได้ว่าพระองค์ท่านซึ่งเหมือนพ่อของคนไทยทั้งประเทศ ทรงห่วงใยบ้านเมือง และประชาชน ทรงให้สติให้ทุกคนระลึกถึงความสำคัญในหน้าที่ของตนเอง เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่รับสั่งด้วย แต่ประชาชนทั่วไป รัฐบาล และข้าราชการ ก็สมควรที่จะน้อมรับไปปฏิบัติ
* ยันผู้นำเหล่าทัพไม่ยึดอำนาจ
นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการทำปฏิวัติจนทำให้พรรคเพื่อไทยโหมพูดเรื่องนี้ว่า ไม่ทราบว่าทำไมพรรคเพื่อไทยถึงโหมกระแสนี้ แต่ในฐานะที่ทำหน้าที่ด้านความมั่นคงและทำงานอยู่อย่างใกล้ชิดกับผู้นำเหล่าทัพตลอด ขอยืนยันกับประชาชนว่า บรรดาผู้นำเหล่าทัพในยุคนี้ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย และยืนยันที่จะสนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยเพื่อที่จะทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน ไม่มีแนวคิดที่จะทำปฏิวัติรัฐประหาร
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองนั้น รองนายกฯ กล่าวว่า ผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายต้องการให้การเมืองแก้ไขปัญหากันเองโดยวิถีทางทางการเมือง เมื่อถามว่าจะแน่ใจได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมา ผบ.เหล่าทัพ บอกว่าไม่ปฏิวัติแต่ก็ทำทุกครั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นการมองในแง่ร้ายเกินไป ตนได้คลุกคลีอยู่ใกล้ชิด ทำงานร่วมกันมาตลอด 1 ปีเศษก็รู้และเข้าใจในความคิดของแต่ละท่าน
* ชี้เสื้อแดงใช้แผน ปชช. ปฏิวัติ
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า เท่าที่ได้ติดตามข่าวกระบวนการของลูกน้อง พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีแผนการพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เพื่อที่จะให้ทหารทน ไม่ได้ และจะได้เอาไปขยายผลเพื่อเรียกร้องประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เข้าแผนที่เรียกว่า การปฏิวัติประชาชน ซึ่งตนได้ติดตามดูอยู่ตลอดและเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าตำรวจหรือทหารจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา เพราะทหารหรือตำรวจก็เป็นข้าราชการของประชาชน ไม่ได้อยู่ฝ่ายใดสีไหนทั้งสิ้น แต่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ให้บ้านเมืองอยู่รอด ถ้าใครทำความเดือดร้อนให้บ้านเมืองก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า ในอดีตถ้าทหารจะปฏิวัติไม่บอกกันล่วงหน้า รองนายกฯ กล่าวว่า เขาไม่บอกล่วงหน้ากันขนาดนี้ เพราะฉะนั้นไม่มี ผมไม่คิดว่าทหารจะปฏิวัติ ยืนยันเด็ดขาดเลย ถ้าไม่มั่นใจผมก็ไม่พูดจาอย่างนี้
* ป้องบิ๊กตู่เป็นเป้าทำลายล้าง
ต่อข้อถามว่า ถ้ามีการปฏิวัติขึ้นมาพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาต่อต้านหรืออยู่เฉย ๆ เหมือนรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่คิดอะไรล่วงหน้า เพราะมันไม่มี ไม่จำเป็นต้องวางแผนไปในสิ่งที่เชื่อว่าไม่มี เมื่อถามย้ำว่า กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาระบุชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. จะเป็นคนทำปฏิวัติ นายสุเทพ กล่าวว่า เสื้อแดงคงหาคนเป็นเป้าไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เป็นสาระอะไร
รองนายกฯ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนย้ายรถถังในคืนวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานแล้ว ถ้าจำได้เราต้องเอากองกำลังไปทำหน้าที่รักษาสันติภาพในนามของสหประชาชาติที่ประเทศซูดาน ถึงเวลาต้องไปก็ต้องนำเครื่องไม้เครื่องมืออาวุธยุทโธปกรณ์มาซ่อมบำรุงให้เรียบร้อย รถหุ้มเกราะเหล่านี้เป็นเพียงไม่กี่คันที่ต้องเอาไปใช้ จึงต้องเอามาซ่อม และกองทัพคิดว่านำเข้ามาในช่วงที่ไม่เป็นปัญหา จึงนำขึ้นรถไฟมาลงและเคลื่อนย้าย แต่คงมีข้อบกพร่องว่าไม่ได้แจ้งให้ประชาชนทราบก่อนทำให้ เป็นข่าวตกอกตกใจกัน ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนด้วย
* บิ๊กป้อมให้การเมืองแก้ปม
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์เรื่องเดียวกันว่า การ เคลื่อนย้ายรถถังก็เป็นการเตรียมไปซ่อมเพื่อไปใช้ที่เมืองดาร์ฟู ประเทศซูดาน ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการปฏิวัติ ที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีการปฏิวัติ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรต่อกรณีดังกล่าวที่มีข่าวหนาหู พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แล้วแต่จะคิด เพราะคนมีจำนวนมากเชื่อว่าคงเป็นการคิดกันไปเอง ไม่มีอะไร การเมืองก็คือการเมือง คงต้องพูดกันในเรื่องของการเมือง และการเมืองคงต้องแก้ปัญหาเรื่องการเมือง แต่เรื่องความสงบสุข หน่วยความมั่นคงต้องเป็นผู้ดูแล เพื่อให้ประชาชน มีความสงบสุข อย่างไรก็ตามเราก็ต้องติดตามดูตลอดเวลา
เมื่อถามว่า มีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นภายในกองทัพหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีและตนคงไม่ต้องมีคำสั่งเพื่อกำชับแต่อย่างใด เพราะเป็นงานเพื่อความมั่นคง ยืนยันภายในกองทัพไม่เกิดความแตกแยกแน่นอน
* สหรัฐขู่ตอบโต้รุนแรงแน่
วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายบีด กิลเบิร์ต คอร์รี่ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย และนายอีริค จี จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ทยอยเดินทางเข้าพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย โดย พล.อ.ชวลิต ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปฏิวัติ
นายพิทยา พุกกะมาน คณะทำงานฝ่ายต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์และสหรัฐ ได้เข้าพบ พล.อ.ชวลิต เพื่อรับทราบข้อมูลและสอบถามท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อเหตุการณ์ทางการเมืองต่าง ๆ เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่ามีการพูดคุยถึงประเด็นกระแสข่าวเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทยด้วย ซึ่งเอกอัครราชทูตสหรัฐวิเคราะห์ว่าการรัฐประหารคงเป็นเพียงข่าวลือ ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะถ้าจริงคงไม่มีข่าวรั่วออกมา นอกจากนี้ยังระบุว่าสถานการณ์ปัจจุบันถ้ามีการรัฐประหารก็ยากจะสำเร็จ หรือถ้าเกิดขึ้นอีกครั้งก็เชื่อว่าทางการสหรัฐจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ค่อนข้างรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ยอมรับวิธีการดังกล่าว
* เหลิมฟุ้งเผ่นหนีข่าวปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า บ่ายวันเดียวกันระหว่างที่ พล.อ.ชวลิต กำลังเดินทางออกจากพรรค ได้เดินสวนกับ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้ทักทายและขอขึ้นรถส่วนตัวของ พล.อ.ชวลิต ที่จอดติดเครื่องรอเพื่อหารือลับนานกว่า 5 นาที ก่อนออกมาให้สัมภาษณ์ถึงข่าวเดินทางไปพบ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เดินทางไปกัมพูชาจริง แต่ไม่ได้ไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ดูไบ และตนไม่ได้ไปที่กรุงพนมเปญ เพียงแต่ไปหาคนรู้จัก โดยนั่งรถจากด่านปอยเปตไปประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เช้าวันที่ 23 ม.ค. และกลับมาวันที่ 25 ม.ค.
ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย อ้างว่าสาเหตุที่เดินทางไปกัมพูชา เนื่องจากได้ข่าวว่าจะมีปฏิวัติรัฐประหาร ก็ขอเผ่นก่อน บอกตามตรงว่ากลัว ตนเคยโดนเมื่อครั้งสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ปฏิวัติแล้วถูกตามล่าต้องหนีอยู่ในป่า 3 สัปดาห์ กลางทะเลอีก 5 สัปดาห์ เพื่อหนีการถูกลอบสังหาร พวกที่ตามล่าตนตอนนี้ก็เวรกรรมสนอง บางคนเป็นอัลไซเมอร์ บางคนต้องนั่งรถเข็น ตนไม่ได้ผูกใจเจ็บอะไร แต่คิดว่าไม่เอาอีกแล้ว
* อ้างบิ๊กรัฐบาลต้นคิดก่อการ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า การเตรียมการปฏิวัติเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้นเหตุไม่ใช่กลุ่มทหาร แต่เป็นพวกนักการเมืองที่เสพติดอำนาจ แล้วรู้ตัวว่าจะอกหักจึงไปปลุกปั่นให้ทหารก่อการ เพราะรู้ว่าตัวเองอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะไปหักหลังพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งพรรคร่วมก็ความรู้สึกช้า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีทางร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากแก้ไปแล้วมีการเลือกตั้งอย่างไรก็ต้องแพ้ พรรคเพื่อไทยได้เสียงเกินครึ่งแน่นอน และตนเห็นพ้องกับ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่ารัฐบาลต้องกล้าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้ง
ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามตอนนี้เช็กข่าวแล้ว ไม่มีการปฏิวัติแน่นอน เพราะผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน 96.4% เห็นพ้องต้องกันว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ดีที่สุด ดังนั้นไม่มีใครทำแน่นอน ส่วนเรื่องรถถังที่ออกมาวิ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาตรวจสอบแล้วเป็นรถถังที่ใช้ในภาคใต้ และไปส่งโรงซ่อมจริง ๆ
* พัลลภลั่นไม่หมูเหมือนเก่า
เมื่อถามว่า คิดว่านายกฯ ทราบเรื่องกลุ่มที่กลัวเสียอำนาจวางแผนปลุกปั่น ปฏิวัติ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายกฯ รู้หรือไม่ แต่เป็นฝีมือของพวกที่มี อำนาจที่กลัวจะเสียอำนาจและถูกเช็กบิล เมื่อถามว่าได้หารือกับ พล.อ.ชวลิต อย่างไรบ้าง ร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยว่า ได้วิเคราะห์สถานการณ์แล้วเห็นตรงกันหมดทั้งข่าวปฏิวัติและการตัดสินใจไม่กล้าปฏิวัติ
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่อยากบอกว่าจะมีรัฐประหารหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาต่างเชื่อกันว่าจะไม่มีการทำรัฐประหารอีกแล้ว แต่ก็เกิดการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 จนได้ อย่างไรก็ตามส่วนตัวเชื่อจะไม่มีการปฏิวัติเกิดขึ้น เนื่องจากครั้งที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมาก หากจะมีรัฐประหารเกิดขึ้น อีกครั้งพูดได้เลยว่าครั้งนี้จะไม่หมูเหมือนที่ผ่านมาแน่นอน
* ปูดบิ๊กป๊อกไม่ยอมเล่นด้วย
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า ได้รับรายงานว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวเตรียมพร้อมก่อการปฏิวัติรัฐประหารจริง โดยเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา มีการประชุมลับของนายทหารระดับผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ พร้อมด้วยฝ่ายตำรวจ รวมถึงนักการเมือง ซึ่งเป็นรัฐมนตรีจากพรรคใหญ่ มีบทบาทสูงในรัฐบาลเข้าร่วมด้วย 1 คน ที่กองทัพอากาศดอนเมือง มีนายทหารยศพล.อ. นั่ง หัวโต๊ะประชุมเช็กกำลัง และได้สอบถามผู้นำเหล่าทัพทั้งหมดว่าจะให้ความร่วมมือหรือไม่ แต่กองทัพเรือและฝ่ายตำรวจปฏิเสธ รวมทั้งมอบหมายให้กรมทหารราบที่ 21 ใช้กำลังจัดการแกนนำเสื้อแดงในเบื้องต้น แต่ก็ได้รับการปฏิเสธเช่นเดียวกัน
แกนนำ นปช. เปิดเผยว่า แผนการยึดอำนาจครั้งนี้ได้วางตัว พล.อ.คนดังกล่าวเป็นผู้นำ เนื่องจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต้องการเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง ผบ.ทบ. แต่ขณะเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ ได้สะสมทุกอย่างเพื่อรองรับบั้นปลายชีวิต
* ถกวันบุก ทบ. ถามใจบิ๊กตู่
นายจตุพร เปิดเผยอีกว่า อีกทั้งยังเป็นที่ชัดเจนว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้วางตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ดูได้จากนายทหารตบเท้าเข้าอวยพรครั้งล่าสุด พล.อ.เปรม เลือกทักทายพูดคุยกับ พล.อ. ประยุทธ์ คนเดียว ส่วนที่ปรากฏว่ามีรถหุ้มเกราะนำมาจอดทิ้งไว้ในจุดต่าง ๆ สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนเมื่อช่วงคืนวันที่ 25 ม.ค. โดยกองทัพชี้แจงว่าจะขนส่งไปปฏิบัติภารกิจ เกิดเสียจึงจอดเพื่อรอซ่อมนั้น เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น
ดังนั้นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจึงได้นัดหมายประชุมในวันที่ 27 ม.ค. เพื่อกำหนดวันไปชุมนุมหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อถาม พล.อ.ประยุทธ์ อย่างลูกผู้ชายว่าจะปฏิวัติหรือไม่ คาดหมายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตอบคำถามตรงไปตรงมา แต่พวกผมอยากท้าทายให้ปฏิวัติเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าจะได้จัดการในคราวเดียวกันให้จบ พวกผมพร้อมพลีชีพแลกประชาธิปไตย ทันทีที่มีการยึดอำนาจ ศาลากลางทุกจังหวัดจะเต็มไปด้วยคนเสื้อแดงและถนนทุกสายจะมุ่งสู่สนามหลวง แกนนำคนเสื้อแดง ระบุ
* ซัดอำมาตย์ผวาคุมเกมไม่อยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีปัจจัยอะไรบ่งชี้ให้ มั่นใจว่าทหารเตรียมการยึดอำนาจ นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้อำมาตย์จวนตัวกันหมดอย่าง เช่น คนของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกฯ แอบไปทุบบ้านที่เขายายเที่ยงตอนกลางคืน ซึ่งจะปล่อยให้เสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อไปไม่ได้ เพราะไม่มั่น ใจว่าจะกุมสภาพได้จึงต้องปฏิวัติก่อนที่คน เสื้อแดงจะชุมนุมใหญ่ ทั้งนี้ตามรายงาน ข่าวที่ตนได้รับมาในที่ประชุมเมื่อวันที่ 23ม.ค. มีบุคคลหนึ่งเสนอว่า ปฏิวัติแล้วให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ต่อไป แต่เสียงส่วนใหญ่เสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ โดยแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อประโยชน์ตัวเองเหมือนกรณี 19 ก.ย. 2549
* พิรุธเคลื่อนย้ายรถถังกลางดึก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่ามีความผิดปกติในการเคลื่อนย้ายรถหุ้มเกราะ จาก จ.อุตรดิตถ์ มาซ่อมที่ จ.ปทุมธานี ตามที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวอ้าง เนื่อง จากโรงซ่อมรถหุ้มเกราะอยู่ที่ จ.นครราชสีมา จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเคลื่อนย้ายจาก จ.อุตร ดิตถ์ เข้ามากรุงเทพฯ ก่อนเดินทางต่อไปยัง จ.นครราชสีมา ทั้งนี้หากรถดังกล่าวต้องเข้ารับการซ่อมจริง รถหุ้มเกราะสามารถวิ่งได้อย่างไร นอกจากนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารที่มากับรถหุ้มเกราะต่างพูดสาเหตุการเคลื่อนย้ายไม่ตรงกัน และมีการพูดถึงพันโท ธ. ว่าเป็นคนรับคำสั่งจากนายทหาร คนหนึ่ง
* วอนตุลาการยึดพระราชดำรัส
นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน และประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กระแสพระราชดำรัสของในหลวงแสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงของพระองค์ท่านในการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ ซึ่งวันนี้เกิดปัญหาเรื่องสองมาตรฐานมาก ดังนั้นฝ่ายตุลาการควรจะน้อมนำพระราชดำรัสใส่เกล้าไปปฏิบัติ เพราะหากตุลาการไม่อำนวยความยุติธรรมก็จะถือว่าทรยศต่อพระองค์ท่าน กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกรณีหนึ่งที่เห็นถึงความไม่เป็นธรรมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการไปเอาคนมาปฏิวัติ และตั้งคนที่เป็นปฏิปักษ์อย่างคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ขึ้นมาพิจารณา โดยที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่สามารถแก้ตัวได้ เรื่องนี้คนที่ประกาศว่ารักทักษิณทั้งประเทศจะยอมรับได้อย่างไร
* ชวนร่ายยาววิธีแก้ซื้อเสียง
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งที่พรรคร่วมรัฐบาลกดดันให้พรรคประชาธิปัตย์แก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเขตเลือกตั้งว่า เป็นแนวคิดทางหนึ่งของการแก้ไขปัญหาโคตรโกงหรือโกงทั้งโคตร หลังการยึดอำนาจ 19 ก.ย. 2549 ว่าเหตุใดการเมืองไทยจึงพัฒนามาถึงขั้นนี้ ทั้งที่ประชาธิปไตยไทยใช้มา 70 ปี แต่ก็ยังเป็นแบบนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจการเมืองแบบโคตรโกงหรือโกงทั้งโคตร ซึ่งมาจากที่นักการเมืองใช้เงินซื้อเสียงในการเลือกตั้งมากขึ้น ๆ ตามลำดับ จึงมีการคิดแก้ไขปัญหานี้
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า แม้จะมีตัวบทกฎหมายแต่ก็เป็นเพียงกฎหมาย ส่วนเรื่องการปฏิบัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงมีการคิดเรื่องเขตเลือกตั้งใหญ่แบบเขตใหญ่เรียงเบอร์มาเปรียบเทียบกับเขตเลือกตั้งแบบเขตเดียว เบอร์ เดียวว่าเขตเลือกตั้งแบบใดซื้อเสียงได้ง่าย กว่ากัน สรุปแล้วพบว่าเขตใหญ่ซื้อเสียงได้ยากกว่า
* เขตใหญ่เหมาะกว่าเขตเล็ก
นายชวน กล่าวว่า ในฐานะผู้ปฏิบัติมองว่าการเลือกตั้งเขตเล็กแบบเขตเดียว เบอร์เดียว จะทำให้เกิดการซื้อเสียงได้ง่าย กว่าและรุนแรง มีการยอมซื้อจำนวนมากเพียงเพื่อเอาชนะ ขณะที่แบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ยังเบากว่า แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการซื้อเสียงเลย เพียงแต่ซื้อเสียงได้น้อยและทำได้ยากกว่า ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของการพยายามแก้ไขการเมืองแบบธุรกิจการเมือง ซึ่งในการประชุม ส.ส. ที่ จ.กระบี่ ก็มีความเห็นหลากหลายและตรงไปตรงมา โดยยึดหลักประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ส.ส.ส่วนใหญ่เห็นว่าระบบเขตเลือกตั้งแบบเขตใหญ่จะเป็นประโยชน์มากกว่าในสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้ ส่วนวันข้างหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งปัญหา เฉพาะหน้าของประเทศไทย คือ จะทำอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้ธุรกิจการเมืองรุกล้ำเข้ามาได้ม ากกว่านี้อย่างที่เป็นอยู่ อย่างไรก็ตามมี ส.ส. บางคนในพรรคก็คิดว่าน่าจะใช้ระบบเลือกตั้งแบบเขตเล็ก
* ติดใจสัญญาพรรคร่วมตั้ง รบ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ถ้าไม่แก้ตามที่ พรรคร่วมรัฐบาลต้องการอาจจะมีปัญหากับพรรคร่วมตามมาหรือไม่ นายชวน ยอมรับ ว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คณะกรรมการบริหารพรรคจะพูดกัน แต่ภายในพรรค ส.ส.ได้แสดงความคิดเห็นหลากหลาย เพราะการมองถึงประโยชน์ส่วนตัวและประโยชน์ส่วนรวมต้องแยกออกจากกัน ทั้งนี้ตนเห็นว่าเขตใหญ่น่าจะแก้ปัญหาได้ เมื่อถามต่อว่า ถ้ามติกรรมการบริหารพรรคออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ ไม่น่ามีปัญหาความขัดแย้งภายในพรรครุนแรงใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ในพรรคถือว่ามีวินัยดี แต่ในการประชุมที่ จ.กระบี่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค มีภารกิจต้องเดินทางออกไปก่อนแล้ว จะไปตัดสินได้ อย่างไร
และประเด็นนี้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของเขตที่เป็นเรื่องต้องตัดสินกัน เพราะมีการตกลงระหว่างการตั้งรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร นี่คือส่วนที่มีการพูดกันนอกเหนือจากเหตุผลเขตเล็กเขตใหญ่ ประเด็นคือพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นผู้ตั้งรัฐบาลได้ตกลงกับเพื่อนร่วมรัฐบาลอย่างไร
* เทือกปัดพรรคร่วมกดดัน
ต่อข้อถามว่า มีการมองว่านายชวนเสียท่าที่ให้กรรมการบริหารพรรคตัดสิน เพราะในกรรมการบริหารพรรคมีคนที่สนับสนุนเขตเล็กมากกว่า นายชวน กล่าวปฏิเสธว่า ไม่คิดว่าทางออกที่ดี คือ มอบให้กรรมการบริหารทำงานแทนพรรค ซึ่งกรรมการบริหาร พรรคก็ต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ
ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. กรณีพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 ในสัปดาห์หน้าว่า ไม่ได้มองว่าเป็นการกดดันพรรคประชาธิปัตย์ หากพรรคร่วมรัฐบาลจะเดินหน้าก็ทำไป ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องตกลงในพรรคให้ชัดเจนก่อนจากนั้นจะไปแจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น เมื่อถามว่าหากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้ข้อสรุปในวันเดียวกันนี้จะแจ้งให้พรรคร่วมทราบทันทีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทันได้แจ้ง สื่อมวลชนทั้งหลายก็บอกหมดแล้ว
* มติ กก.บห. ไม่ร่วมลงชื่อญัตติ
ต่อมาเวลา 13.40 น. ที่อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการแก้ไขรัฐธรรม นูญ มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และหัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคอีก 14 คนเข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ขาดไปเพียง 3 คน คือ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ ที่ติดราชการต่างประเทศ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ และ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกฯ ซึ่งที่ประชุมใช้เวลาหารือเพียง 30 นาที เท่านั้น
จากนั้น นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมเห็นว่าการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมืองที่สามารถเสนอญัตติได้ตามกลไกรัฐสภา ขณะนี้มี ส.ส.ที่เข้าร่วมยื่นญัตติครบ 1 ใน 5 คือ 95 คนแล้ว ดังนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคจึงเห็นว่าจะไม่เข้าร่วมยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
* ชงที่ประชุม ส.ส. พิจารณาต่อ
ส่วนการพิจารณาว่าจะเห็นด้วยกับญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของสภา ซึ่งกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าจะให้ที่ประชุม ส.ส. หารือกันต่อ ส่วนเรื่องฟรีโหวตนั้น ตนมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีเอกภาพ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า มติของกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ ไม่ใช่การตีสองหน้า และมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการในการตัดสินใจ โดยต้องมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง และที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาลได้มีแนวการทำงานอย่างชัดเจน คือ มุ่งเน้นแก้ปัญหาประชาชนร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการประชุม คณะกรรมการบริหารพรรคเสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์ ได้นำมติของคณะกรรมการบริหารพรรคเข้าแจ้งต่อที่ประชุม ส.ส.ซึ่งประชุมอยู่ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตึกเดียวกันทันที
* เติ้งโบ้ยเป็นเรื่องของสภา
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ตนเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ขอให้ไปถามนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนการเดินสายพบปะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ของพรรคชาติไทยพัฒนาที่ผ่านมา ตนแค่ไปนั่งร่วมอยู่ด้านหลัง ส่วนโอกาสที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะประสบความสำเร็จหรือไม่คงต้องไปถามพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้ดูเหมือนพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคกำลังรอท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าว ว่า ไม่ทราบ เท่าที่ทราบเรื่องนี้เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อถามต่อว่าหากได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้เสียงสนับสนุนเพียงพอด้วยใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า สื่ออย่าถามนำ ถ้าพอมันก็ทำได้ ถ้าไม่พอก็ทำไม่ได้ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคร่วมรัฐบาลอาจเปลี่ยนขั้วไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ให้ไปถามพรรคร่วมรัฐบาล
* ชุมพลชี้ไม่ทำ รบ. สะเทือน
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่ากรณีคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไม่ตอบรับ 5 พรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขั้นตอนนี้เป็นเพียงการนำเสนอญัตติเข้าสู่สภาเท่านั้น จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเอาไว้ตอนอภิปรายและลงมติ แต่หลังอภิปรายแล้วโลกมันกลมหมุนไปหมุนมาอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้ ดังนั้นยืนยันว่าไม่ได้ รอมติพรรคประชาธิปัตย์ แต่ต้องการเสนอญัตติเข้าสู่สภา เพื่อดึงปัญหานอกสภาทั้งหมดเข้าไปพูดในสภาเท่านั้น
ต้องชมพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นประชาธิปไตยพอสมควร ประชุมพรรคก็โยนให้กรรมการบริหาร ซึ่งกรรมการบริหารก็ยก อย่างไรก็ตามยืนยันไม่มีปัญหาในการร่วมรัฐบาล เพราะคนละประเด็นกัน กติกาในการร่วมรัฐบาลเป็นคนละกติกากันเลย ไม่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน การแก้ไขรัฐธรรม นูญเป็นเรื่องของสภา ทั้งนี้การร่างญัตติคิดว่าจะเสร็จในวันที่ 27 ม.ค. นี้ และส่งให้ 5 พรรคดูก่อนที่จะนัดหมายว่าจะยื่นกันเมื่อใด นายชุมพล ระบุ
* พผ.วัดใจปชป.ขั้นลงมติ
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาห กรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์กรณีมติกรรมการบริหารพรรคประชา ธิปัตย์ ไม่ร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลว่า แค่เสียงพรรคร่วม 5 พรรคก็เพียงพอแล้วสำหรับการยื่นญัตติเสนอแก้รัฐธรรมนูญ และพรรคร่วมต้องเดินหน้าเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนในขั้นลงมติในสภาผู้แทนราษฎรว่าเห็นด้วยกับญัตติในเรื่องนี้หรือไม่ ก็ต้องไปวัดใจกันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไร เมื่อยื่นไปแล้วอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เรามองมุมดีไว้ก่อนว่าเป็นรัฐบาลร่วมกันก็ต้องเดินร่วมกัน ส่วน กรณีที่การแก้รัฐธรรมนูญอาจส่งผลให้เกิดการยุบสภานั้น นายชาญชัย กล่าวว่า จะยุบก็ยุบเราไม่กลัวอะไร แต่มองว่าเรื่องนี้คงไม่ถึงขั้นต้องยุบสภา
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.เพื่อไทย ยังยืนยันมติเดิมว่าไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ไม่มีการฟรีโหวต เว้นแต่จะมีการปรับโดยนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กลับมาใช้หรือปรับแก้ตามร่างของ คปพร. ที่มีประชาชนเป็นผู้เสนอ
* ตั้งปลัด ก.ท่องเที่ยวฯ คนใหม่
วันเดียวกัน ที่ประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งนายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท รอง ผอ.สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แทนนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ทั้งนี้ให้มีผลภายหลังทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. มีมติไม่อุทธรณ์กรณีศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2552 ให้เพิกถอนมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2551 ที่ให้ความเห็นชอบร่างคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา และแผนที่แนบท้าย ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีความเห็นว่าคำพิพากษาของศาลปกครองกลางชอบด้วยเหตุ ผลทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจึงเห็นควรไม่อุทธรณ์ เนื่องจากคดีนี้จะครบกำหนดอุทธรณ์ในวันที่ 29 ม.ค. นี้ และไม่อาจจะขอขยายเวลาได้ ที่ประชุม ครม. จึงได้มีมติไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางดังกล่าว เพราะถือว่าคำสั่งของศาลปกครองสิ้นสุดแล้ว
* ไฟเขียวซื้อบินรบ 1.63 หมื่นล.
รองโฆษกรัฐบาล แถลงด้วยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบหลักการแผนจัดหาและปรับปรุงอากาศยาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของกองทัพอากาศตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้กองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์แบบกริพเพ่น 39 ซีดี จำนวน 6 ลำ พร้อมอุปกรณ์การส่งกำลังบำรุง การฝึกอบรม และการปรับปรุงอาคารสถานที่ และการบริหารโครงการ รวมทั้งการรับข้อเสนอพิเศษและความร่วมมือระดับทวิภาคี ตามโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ ในกรอบวงเงิน 1.63 หมื่นล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554-2558 นอกจากนี้ยังอนุมัติให้กองทัพอากาศดำเนินการตามโครง การปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินขับไล่แบบ 19 ก. ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 จำนวน 6 เครื่อง กรอบวงเงิน 6.9 พันล้านบาท ผูก พันงบประมาณ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554-2556
27 มกราคม 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น