22 กุมภาพันธ์ 2553

ความสุข ความถูกต้อง

โดย จุมพล พูลภัทรชีวิน แผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) NewConsciousness@thainhf.org
คำหลักๆ ที่ขึ้นต้นเป็นชื่อของบทความนี้มีความหมายที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน
จนในหลายๆ กรณีมีบางคนเอาไปใช้ในความหมายเดียวกัน บางคนใช้เป็นเหตุผลในการสนับสนุนหรือการปกป้องการกระทำของตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็โจมตีผู้อื่นที่เป็นฝ่ายตรงกันข้าม
เราได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านเรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในสื่อหลากชนิด โดยเฉพาะ
จากนักการเมือง และแม้กระทั่งจากเพื่อนๆ หรือคนใกล้ชิดบางคน
หรือโลกยุคปัจจุบันและโลกในอนาคตอันใกล้ กำลังลดทอนความมีคุณธรรมจริยธรรม
ความดีงาม ความยุติธรรม ความชอบธรรม เหลือแค่เพียงความถูก-ผิดทางกฎหมาย
และโดยเฉพาะความถูก-ผิดตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของหน่วยงานของตนเอง จึงเกิดการ
โต้แย้งโต้เถียง ปกป้องและกล่าวหาผู้อื่นในทำนองว่าตนเองทำถูกต้องตามกฎระเบียบข้อบังคับของ
หน่วยงานที่ตนสังกัด ทำถูกต้องตามหน้าที่ของตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่ ส่วนคนอื่นที่ประท้วง
หรือต่อต้าน เป็นฝ่ายผิด ไม่รู้เรื่องหรือแม้กระทั่งหาเรื่อง ในทางกลับกันอีกฝ่ายก็โจมตีอีกฝ่ายว่าผิด
และบอกว่าตนเองถูก ดังตัวอย่างต่อไปนี้
กรณีตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ในกรณีของคุณหญิงจารุวรรณ คุณวิสุทธิ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อม เช่น ประธานวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภา คณะกรรมการ
สตง. และอีกหลายๆ คน ไม่มีใครบอกว่าตัวเองทำผิด มีแต่บอกว่าทำถูกต้องตามขั้นตอน
ตามกฎหมาย ตามกฎ ระเบียบข้อบังคับ
ข้อสังเกตและข้อควรพิจารณาก็คือ ถ้าทุกคนทำถูกต้อง ทุกหน่วยงานทำถูกต้อง แล้วทำไม
จึงยังมีปัญหาอยู่ และที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือต่างฝ่ายต่างก็อ้างว่าไม่ควรทำให้เรื่องนี้กระทบกระเทือน ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
บนความสับสนวุ่นวายของปัญหานี้ ที่เหลือไว้คือความทุกข์และความเจ็บปวดทางความรู้สึก
ของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
กรณีของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และรายการเมืองไทยรายสัปดาห์กับคู่กรณี ซึ่งต่างก็อ้างสิทธิและ
ความชอบธรรมทางกฎหมาย ที่เหลือไว้คือความทุกข์ความเจ็บปวดที่
ต้องไปต่อสู้กันในศาล เพื่อพิสูจน์ความถูก-ผิดทางกฎหมาย
ความดี ความงาม ความมีคุณธรรมจริยธรรม และสุนทรียธรรมในชีวิตและสรรพสิ่งหายไปไหนหมด คู่กรณีไม่สามารถจะมีสุนทรียสนทนากันได้ ต้องจ้างนักกฎหมายให้ว่าและหาความแทนตนเอง
กลายเป็นสงครามตัวแทน
กรณีการซื้อหุ้นมติชน ผู้ซื้อก็อ้างสิทธิและความชอบธรรมเพราะทำถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ
ของ ก.ล.ต. ฝ่ายผู้ถูกซื้อก็อ้างสิทธิและความชอบธรรมในการต่อต้าน และต่อสู้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและตามระเบียบข้อบังคับของ ก.ล.ต. ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายมีความชอบธรรมและต่อสู้กันอย่างยุติธรรมตามกฎหมาย ที่เหลือไว้คือความทุกข์และความเจ็บปวดของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
กรณีของคุณประมวล รุจนเสรี กับสมาชิกพรรคไทยรักไทยจำนวนหนึ่ง ที่ต่างก็อ้างสิทธิตาม
รัฐธรรมนูญ อ้างความชอบธรรม และบางคนอ้างมารยาท ฝ่ายหนึ่งอยากให้ถูกไล่ออกจากพรรค อีกฝ่ายหนึ่งก็อยากไล่ให้ออกจากพรรค แต่จนถึงปัจจุบันคุณประมวลก็ยังคงสถานภาพ
เหมือนเดิมตามกฎหมาย แต่เปลี่ยนสถานภาพทางสังคมและการยอมรับจากพรรคไทยรักไทย ที่เหลือไว้คือความขุ่นข้องหมองใจระหว่างกัน และรอวันเวลาที่เหมาะสมที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามกฎระเบียบข้อบังคับของพรรค
ความเป็นเพื่อนร่วมพรรค ความรักความเมตตาที่เคยมีให้แก่กันและกัน มันหายไปไหนหมด
ทำไมจึงเอาความเคียดแค้น ชิงชัง มาแทนที่ความเป็นกัลยาณมิตร
กรณีกฎหมายบำเหน็จบำนาญข้าราชการการเมือง ผู้ผลักดันก็บอกว่าถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
จึงมีความชอบธรรม แต่ผู้คัดค้านก็บอกว่าไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรมและไม่ยุติธรรมกับข้าราชการ
ประเภทอื่น
ตกลงความถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย นำไปสู่ความยุติธรรมทางสังคมจริงหรือไม่ ความ
ถูกต้องตามกฎหมาย สร้างให้สังคมเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมจริยธรรมหรือไม่ ทั้งที่ในหลักการแล้วกฎหมายที่ดีก็ควรนำไปสู่ความยุติธรรมและความมีคุณธรรมจริยธรรมในสังคม ไม่ควรแยกหรือแปลกแยกออกจากกัน
เนติกรที่ดีก็ควรมีจิตวิญญาณและจิตสำนึกของการเป็นเนติบริกรที่ตั้งอยู่บนความถูกต้อง ความชอบธรรม ความยุติธรรมและความมีคุณธรรมจริยธรรมประจำใจ ไม่ใช่การพยายามจะจับผิดหรือเอาชนะคู่กรณีในแง่ของการเล่นแร่แปรธาตุในทางกฎหมาย เพียงเพื่อชื่อเสียงและความสมประโยชน์ของฝ่ายตน เพราะไม่เช่นนั้นกฎหมายก็จะเหลือแต
่ความถูก-ผิดตามตัวอักษรและความเชี่ยวชาญในการบิดเบือนกฎหมายของเนติกรที่ขาดจิตวิญญาณของ
การเป็นนักกฎหมายที่ดี เพราะขาดความถูกต้องชอบธรรม ขาดความยุติธรรมในแง่ของคุณธรรมจริยธรรมและสุนทรียธรรมในจิตใจ
กรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยก็เช่นกัน ต้องพิจารณาว่าเป็นเรื่องของความถูก-ผิดทางกฎหมาย หรือเป็นเรื่องของความชอบธรรม ความยุติธรรม หรือเป็นเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม หรือจริงๆ แล้วมันสัมพันธ์เชื่อมโยงกันไปหมด ถ้าคำตอบคือเรื่องถูก-ผิดทางกฎหมาย ก็มีแนวโน้มว่าจะใช้
กฎหมายเข้าไปจัดการ ถ้าเป็นเรื่องของความชอบธรรมความยุติธรรม ก็ควรใช้และให้ความชอบธรรม
และความยุติธรรม ถ้าเป็นเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม ก็ควรมาเน้นเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม
ถ้ามองว่ามันสัมพันธ์กันไปหมด ก็ควรจัดการแบบองค์รวมที่เน้นความสัมพันธ์เชื่อมโยง และจึงต้องระดมหลายๆ ฝ่ายเข้ามาช่วยกัน
ผู้บริหารและผู้นำของโลก ของประเทศ และขององค์กร โดยเฉพาะองค์กรทางธุรกิจและการเมือง
ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เชื่อ คิด และทำ ภายใต้ภาวะถูกมนต์สะกดของ "กลไกตลาด" ที่ดูเหมือนเป็น
คำที่ขลังและยิ่งใหญ่มาก
เพราะเป็นคำที่ผู้บริหาร นักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ในกระแสต่างก็ใช้คำนี้เป็นคำอธิบาย และบางครั้งก็ใช้เป็นเกราะป้องกันตนเองจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น จนบ่อยครั้งขาดสติ ขาดปัญญา
ที่จะมองเห็นว่า "กลไกตลาด" นั้นมันผุดโผล่มาจาก "การค้าเสรี" ภายใต้การสะกดจิตของระบบ
เศรษฐกิจเสรีทุนนิยม ที่เน้นการแข่งขันมากกว่าการแบ่งปัน เน้นความโปร่งใสในความหมายแคบๆ แค่ทำตามกฎกติกาที่ตกลงกันไว้ และตรวจสอบความถูก-ผิด ตามกฎกติกาได้ โดยทำให้หลงเชื่อ โน้มน้าวและ/หรือบีบบังคับด้วยหลากวิธีเพื่อจะได้นำโลกไปสู่ความเป็นธรรม ความยุติธรรม ตามกฎกติกาและมาตรฐานที่ตนวางไว้
เรากำลังอยู่ภายใต้สงครามล้างเผ่าพันธุ์ทางความคิด ทางวัฒนธรรม และดูเหมือนว่าเรากำลังจะพ่ายแพ้ เพราะหลายภาคส่วนในสังคมของเรามีวิสัยทัศน์ มีพันธกิจ มียุทธศาสตร์และการปฏิบัติในแนวทางของเศรษฐกิจเสรีทุนนิยมแบบเกินร้อย และเชื่อว่าเราสามารถ
จะเป็นที่หนึ่งได้
เรากำลังถูกทำให้เหมือนกันทั่วโลก ภายใต้ "มาตรฐาน" เดียวกัน และดูเหมือนว่าเรากำลังถูกสะกด
จิตหมู่ให้ก้าวเดินไปทางนั้น
นี่เรากำลังถูกสะกดจิตอยู่จริงๆ หรือไม่ เพราะดูเหมือนเราหลงและใหลไปตามกระแสเศรษฐกิจเสรีทุนนิยม
เพื่อช่วยสร้างความถูกต้อง ความชอบธรรม ความยุติธรรม ความมีคุณธรรมจริยธรรม และสุนทรียธรรมในสังคมไทยและสังคมโลกให้มีเพิ่มมากขึ้น สมควรที่จะได้มีการนำแนวพระราชดำริ
เกี่ยวกับปรัชญาพอเพียง โดยเฉพาะเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวของไทยมาใช้อย่างจริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น