11 กุมภาพันธ์ 2553

IQ, EQ, MQ

IQ, EQ, MQ

เทพ สงวนกิตติพันธุ์นักวิชาการศึกษาศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. อุดรธานี
IQ (Intelligence Quotient) เป็นตัวเลขบ่งชี้ถึงเชาวน์ปัญญาจากการทดสอบ ว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงใดและนำไปเปรียบเทียบกับกลุ่มคนในลักษณะและระดับอายุรุ่นเดียวกัน แต่อาจผิดพลาดได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ถูกทดสอบตอบคำถามในขณะที่มีในอารมณ์โกรธ หรือเหนื่อยเพลีย ไม่เต็มใจในการทดสอบ หรือสภาพแวดล้อมในการทดสอบมีเสียงดังรบกวนทำให้ไม่มีสมาธิในการทดสอบ เป็นต้น การวัดเชาวน์ปัญญามีหลายวิธี ส่วนใหญ่ใช้วิธีสอบถามตามแบบทดสอบมาตรฐานใช้ศึกษาพฤติกรรม ซึ่งเกี่ยวกับความสามารถของบุคคลเพื่อดูว่าบุคคลนั้นๆ ทำอะไรได้ดีที่สุด คะแนนที่ได้จะเรียกสั้นๆ ว่า IQ
ระดับเชาวน์ปัญญากับค่า IQ
ค่า IQ
ลำดับความสามารถทางเชาวน์ปัญญา
130 และสูงกว่า
ดีเลิศ (Very Superior)
120-129
ดี (Superior)
110-119
ค่อนข้างดี (High Average)
90-109
เฉลี่ยโดยปกติ (Average)
80-89
ค่อนข้างด้อย (Low Average)
70-79
คาบเส้น (Borderline)
60 และต่ำกว่า
ปัญญาอ่อน (Mentally Deficient)

EQ (Emotional Quotient หรือ Emotional Intelligence) เขียนโดย ดร.แดเนียล โกลแมน ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ (New York Times) ปีพ.ศ.2538 ว่า ความฉลาดทางอารมณ์หรือการพัฒนาทางอารมณ์เป็นความสำคัญต่อบุคคลด้วย ถึงแม้ว่าบุคคลจะมีเชาวน์ปัญญาที่ดีเลิศ แต่หากไม่มีการพัฒนาทางอารมณ์ก็ไม่สามารถนำพาชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้อย่างมีความสุข ความฉลาดทางอารมณ์เป็นการพัฒนาอุปนิสัยในด้านต่างๆ คือ ด้านบุคคล คือ การรู้จักตนเอง ควบคุมอารมณ์ตัวเอง ความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็นต้น ด้านสังคม คือ การเข้าใจเห็นใจคนอื่น (การเอาใจเขามาใส่ใจเรา) หากอยู่ในฐานะที่ถูกเอาเปรียบ ถูกใส่ร้ายก็จะสามารถแก้ไขและขจัดความเครียดของตนเองได้ การฝึกให้เด็กให้มี EQ คือ การฝึกให้เด็กอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ และฝึกการแก้ปัญหาตามอายุเด็ก ฝึกให้เด็กรู้จักใช้สติในการแก้ไขปัญหา ฝึกให้เด็กสามารถดูแลตัวเองด้วยสติ คือ รู้จักตัวเอง เห็นใจคนอื่น รู้จักสังคมช่วยเหลือผู้อื่นตามสมควร หัดไม่ให้ถูกคนอื่นหลอกลวง หรือรับของคนอื่นง่ายๆ ซึ่งอาจนำมาซึ่งสิ่งเสพย์ติด ต้องฝึกสถานการณ์ให้เด็กรู้จักสังเกต สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยากมากๆ สังคมขณะนี้จึงต้องฝึกให้เด็ก "แกร่ง" และเก่งด้วย จึงจะเอาตัวรอดมีความสุขและเป็นคนดีในสังคมต่อไปได้ ในช่วงต้นสหัสวรรษใหม่นี้ มีศัพท์หลายตัวที่ ฮิทติดปากคนในสังคม ซึ่งมีการกล่าวถึง IQ และ EQ และความสัมพันธ์ของทั้งสองทฤษฎี ดังนั้นเพื่อให้เห็นอีกมิติหนึ่งของความพยายามในการพัฒนามนุษย์ จึงควรทราบเรื่องทฤษฎี MQ ไว้ตามสมควร อย่างไรก็ตามขอเรียนว่าเรื่องที่นำเสนอนี้ เป็นเพียงบทความและความคิดเห็นของนักวิชาการเท่านั้น
MQ คืออะไร เราทราบดีอยู่แล้วว่า IQ คือ Intelligence Quotient หรือระดับสติปัญญาด้านความรู้ความสามารถ ส่วน EQ หรือ Emotional Quotient คือ ระดับความฉลาดด้านอารมณ์ ซึ่งหมายถึงเรื่องบุคลิกภาพและการควบคุมตนเองเป็นส่วนใหญ่ สำหรับMQ ที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่นี้ ย่อมาจาก Moral Quotient หมายถึงระดับความคิดด้านศีลธรรมหรือระดับของศีลธรรมในใจคนนั่นเอง บางคนเข้าใจว่า EQ กับ MQ นั้นคือสิ่งเดียวกันแต่จิตแพทย์ท่านหนึ่ง คือ ดร.โรเบิร์ต โคลส์ จาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาด ได้กล่าวถึง MQ ไว้ในหนังสือของเขา โดยแยกเอาระดับความคิดด้านศีลธรรมนี้ออกมาจาก EQ และ IQ, ทั้งนี้ IQ, EQ และ MQ สัมพันธ์กันอย่างไร นักจิตวิทยาค้นพบว่าพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นความฉลาด อารมณ์ สังคม ศีลธรรม มิติสัมพันธ์ คณิตศาสตร์ ภาษา ดนตรี การเคลื่อนไหว ฯลฯ ต่างก็ค่อนข้างเป็นอิสระต่อกัน หมายความว่า เด็กอาจจะเก่งด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านแต่อาจจะไม่เก่งในด้านอื่นก็ได้ พัฒนาการในด้านต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีระดับเท่ากัน เช่น เด็กอาจจะเฉลียวฉลาด แต่พัฒนาการทางอารมณ์ต่ำและนิสัยไม่ดี หรือ ฉลาดอารมณ์ดี แต่ คุณธรรมต่ำก็ได้ หลายคนอาจจะประหลาดใจว่า อารมณ์ดี สังคมดี แต่คุณธรรมต่ำเป็นอย่างไร นิยามคำว่า คุณธรรมในที่นี้หมายถึงระดับความเห็นแก่ตัว สรุป IQ EQ และ MQ มีเส้นทางการพัฒนาต่างกัน ดร.โรเบิร์ต โคลส์ กล่าวต่อไปว่า MQ นั้นไม่สามารถฝึกฝนหรือขัดเกลาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ขณะที่บุคคลเจริญเติบโตขึ้นมาแล้ว เหมือนดังคำโบราณของไทยที่ว่า "สันดอนนั้นขุดได้ แต่สันดานนั้นขุดไม่ได้" การที่บุคคลคนหนึ่งจะมี MQ ระดับดี ต้องเริ่มปลูกฝังในวัยเด็กจึงจะได้ผล อาศัยปัจจัย ๓ อย่างด้วยกันคือ
๑. การสอนศีลธรรมโดยตรงให้กับเด็ก
๒. การถ่ายทอดทางศีลธรรมจากผู้ใหญ่ให้กับเด็ก
๓. การให้ความรักและการสร้างวินัยให้กับเด็ก
สรุปว่า MQ เป็นเรื่องที่ต้องฝึกมาแต่เด็ก ถ้าได้รับการปลูกฝังเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมมาแต่ยังเป็นเด็ก บุคคลก็สามารถพัฒนาพื้นฐาน MQ ของตนขึ้นมาในระดับหนึ่ง (มากน้อยแล้วแต่การปลูกฝัง) และ MQ นี้ก็จะฝังลึกลงไปในจิตให้สำนึกของบุคคลผู้นั้น และจะรอเวลาที่ได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง โดยการอบรมสั่งสอน การฟังธรรม และวิธีอื่น ๆ แต่ถ้าบุคคลไม่มี MQ อยู่ในจิตสำนึกดั้งเดิมแล้ว ไม่ว่าโตขึ้นจะได้รับการกระตุ้นอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้บุคคลผู้นั้นกลายเป็นคนดีขึ้นมาได้มากนัก นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงมีผู้ร่วมงานเพื่อนร่วมรุ่นร่วมชั้นเดียวกันที่มีระดับคุณธรรมจริยธรรมไม่เท่ากัน ทั้ง ๆ ที่เรียนจบออกมาจากสถาบันเดียวกันแท้ ๆ การจำแนกคนโดยพิจารณา IQ EQ และ MQ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของบุคคลประเภทต่าง ๆ ที่แบ่งตามระดับของลักษณะทั้ง 3 ด้าน คือ IQ/EQ/MQ ซึ่งจะแบ่งได้ 8 ประเภท ดังนี้
แบบที่
IQ
EQ
MQ
ตัวอย่าง
1.
สูง
สูง
สูง
อดีตนายกรัฐมนตรี อานันท์ ปัญยารชุน, พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
2.
สูง
สูง
ต่ำ
ฉลาดความรู้ดีแต่ขี้โกง ฉลาดแกมโกง อารมณ์ดี เก็บความรู้สึกเก่ง ไม่คำนึงถึงศีลธรรม เช่น ผู้ร้ายใส่สูท โจรการเมือง ปล้นชาติปล้นแผ่นดินแล้วยังยิ้มหน้าตาเฉย
3.
สูง
ต่ำ
สูง
มีความรู้ดี แต่อารมณ์อ่อนไหว ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ โกรธง่าย อ่อนไหว แต่เป็น
คนซื่อตรงไม่คดโกง ไม่ทำร้ายใคร เข้าตำราปากร้าย ใจดี
4.
ต่ำ
สูง
สูง
ชาวบ้านทั่วไป ชาวชนบท มีความรู้น้อย แต่ก็สุขุม ควบคุมอารมณ์ได้ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม
5.
ต่ำ
ต่ำ
สูง
เป็นคนมีความรู้น้อย ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ ขี้โมโห แต่ก็เป็นคนซื่อตรงไม่คดโกง ปากร้ายใจดี
6.
ต่ำ
สูง
ต่ำ
หายากหน่อยแต่ก็พอมี ยกตัวอย่างได้ยาก ลักษณะเป็นคนที่สติปัญญาค่อนข้างต่ำ
เรียนไม่เก่ง คิดไม่ค่อยทันชาวบ้าน มีนิสัยเป็นคนใจเย็น แต่อาจจะทำอะไรโดยขาด
เหตุผล และไม่ค่อยใช้ความคิดจึงทำผิดศีลธรรมได้ง่าย เช่น การลักเล็กขโมยน้อย
หรืออาจจะเป็นคนปัญญาอ่อนที่ทำอะไรผิดเพราะขาดความยั้งคิด
7.
สูง
ต่ำ
ต่ำ
มีความรู้ดี ฉลาด แต่ก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ ทั้งยังไม่คำนึงถึงศีลธรรม
เป็นตัวโกงในอุดมคติของลิเกไทย จอมวางแผน ชั่วร้าย
8.
ต่ำ
ต่ำ
ต่ำ
แบบนี้คงจะหายาก เพราะไม่มีส่วนดีเลย ไม่ว่าจะเป็นด้าน ความรู้ การควบคุมอารมณ์ และ ระดับจริยธรรมในใจ อาจจะเป็นคนที่มีปัญหาทางจิตหรือเป็นโรคจิต
แนวคิดในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน ต่อไปน่าจะมีการวัด MQ ด้วยซึ่งจะต้องทำเป็นแบบทดสอบเบื้องลึกเพื่อวัดระดับ MQ ควบคู่ไปกับการทดสอบสติปัญญาทางด้านความรู้ความสามารถ (IQ) ตลอดจนความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ทัศนคติ และบุคลิกภาพ (EQ) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการคิดค้นแบบทดสอบ MQ โดยเฉพาะ มีแต่แบบทดสอบ EQ ซึ่งอาจวัดระดับความสามารถในการควบคุมอารมณ์ และการจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ แต่การวัดระดับ MQ เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งกว่านั้น อาจต้องใช้นักจิตวิทยาเข้าร่วม หรือกำหนดกระบวนการทดสอบอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือ ทั้งแบบวัด IQ และ แบบวัด EQ ผู้ถูกทดสอบยังพอทำใจยอมรับฟังผลการทดสอบได้ แม้ว่าผลของ IQ ถ้าได้ไม่สูงมากนัก หมายถึงสติปัญญาไม่ดี ส่วนผลของ EQ ที่ต่ำ ก็จะหมายถึงบุคคลนั้นจิตใจอ่อนไหว โกรธง่าย ใจร้อน หรือ เสียใจง่าย แต่ผลจากการวัด MQ การตีความค่อนข้างจะรุนแรงกว่า ผู้ถูกทดสอบอาจจะยอมรับไม่ได้ เพราะ ผลการทดสอบจะบอกว่าท่านมีระดับจริยธรรมสูง หรือ ต่ำ นั่นหมายถึงท่านถูกตีตราว่าเป็นคนดีหรือเป็นคนเลวเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น