เพชร ( Diamond) เป็นอัญมณีประจำเดือนเมษายน คำว่า "Diamond" นั้นมีรากศัพท์มาจากภาษา
กรีกว่า "Adamas" มีความหมายว่าไม่มีใครเอาชนะได้ ( unconquerable ) ซึ่งสืบเนื่องมาจากความ
แข็งของเพชรนั่นเอง
เพชร มีต้นกำเนิดมาจาก หินอัคนีชนิดหนึ่งเรียกว่า คิมเบอร์ไลต์ ซึ่งจะเกิดอยู่ในสภาวะที่มีความร้อน
ความกดดันสูงมาก และอยู่ลึกภายใต้ผิวโลก กำเนิดของเพชร แบบนี้เรียกว่า แหล่งปฐม หลังจากนั้น
เมื่อมีการเคลื่อนตัว ของหินคิมเบอร์ไลต์ ขึ้นสู่ผิวโลก เพชรในหินนี้จะ ถูกนำขึ้นมาด้วย และเมื่อเวลา
ผ่านไปนานแสนนานในสภาพบรรยากาศของผิวโลก หินคิมเบอร์ไลต์ จะมีการผุกร่อนย่อยสลาย ทำ
ให้เพชรหลุดออกมา จากหินต้นกำเนิด และถูกพัดพา โดยตัวกลางหลายชนิด เช่น น้ำ ลม หิมะ ฯลฯ
ไปสะสมตัว ในสภาวะทาง ธรณีวิทยาที่เหมาะสม เนื่องจากมีค่า ความถ่วงจำเพาะสูงมาก พอสมควร
เช่น ในท้องน้ำลำธารแม่น้ำแอ่งเขาหุบเขาตลอดจนในทะเลแหล่งเพชร แบบนี้เรียกว่า แหล่งทุติยภูมิ
ซึ่งเป็นแหล่งที่มีจำนวนมาก และให้ผลผลิตเพชร ในปริมาณที่มากด้วย มีผู้ประมาณกันว่า โดยเฉลี่ย
แล้ว เพชรดิบน้ำหนัก 4 กะรัตจะได้จากการขุดเอา เศษดินเศษหินจาก แหล่งเพชร ประมาณ 23 ตัน
แต่ในเพชรดิบจำนวน 4 กะรัต ที่ได้นั้น จะมีเพียง 1 กะรัตเท่านั้นที่มี คุณภาพเป็นรัตนชาติและจาก
เพชร 1 กะรัตนี้เมื่อนำไปเจียระไนแล้ว จะเหลือน้ำหนัก สุดท้ายเพียง 1/2 กะรัตเท่านั้นดังนั้นการที่
จะได้เพชรน้ำหนัก 1 กะรัตมาทำเป็นเครื่องประดับจึงจะต้องขุดเอาจากเศษดินเศษหิน ในแหล่งเพชร
เป็นจำนวนถึง 46 ตัน
จากสมบัติทางกายภาพของเพชรซึ่งมีผลถึงความสวยงาม ประกายแวววาว เพชรจึงเป็นอัญมณีที่เป็น
ที่นิยมนำมาเจียระ ไนรูปทรงต่างๆ เพื่อนำมาทำเครื่องประดับตั้งแต่สมัยอดีตกาล โดยเพชรที่มีชื่อ
เสียงมักมีขนาดใหญ่ หรือมีสีสวยงามหายาก ส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ สำหรับพระ
มหากษัตริย์ ตัวอย่างเช่นเพชร Cullinan I เป็นเพชรเจียระไนที่มีน้ำหนักถึง 530.20 กะรัตประดับบน
คฑาของเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับกษัตริย์อังกฤษ เป็นต้น ปัจจุบันเพชรที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ส่วน
ใหญ่ ถูกเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในประเทศต่างๆ
รูปแบบผลึกเพชรที่พบมากที่สุด จะเป็นรูปปิรามิด ฐานสี่เหลี่ยมประกบติดกัน มีแปดหน้า ผลึกรูป
แบบอื่นๆ ที่พบ ได้แก่ รูปคล้าย สี่เหลี่ยมลูกเต๋า และรูปกลมคล้ายตะกร้อ และที่หน้าผลึกเพชรโดย
เฉพาะหน้าที่เป็นรูปสามเหลี่ยมของแบบปิรามิด แปดหน้ามักจะพบลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ
เป็นร่องลึกซ้อนเข้าไปในเนื้อเพชรเล็กน้อยวางตัวในทิศทางกลับกับ สามเหลี่ยมของหน้าผลึกเรียก
ว่า ไตรกอน (trigon) ซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้ในเพชรแท้ เท่านั้น
เพชรสามารถเกิดขึ้นได้มากมายหลายสี แต่ชนิดที่เป็นที่รู้จักคุ้นเคยมากจะเป็นชนิดสีขาว หรือ
ใสไร้สี และมักมีสีอื่น ปนเล็กน้อย เช่น เหลือง น้ำตาล หรือเทา เพชรที่มีสีเข้มสวยเรียกว่า เพชรสี
ซึ่งมีราคาสูงและหายากมากเพชรสีได้แก่ เพชรสีชมพูอมแดง เขียว ส้ม เหลืองทอง ฟ้า ม่วงเป็นต้น
รูปแบบ การเจียระไนของเพชร ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันนี้ ได้แก่การเจียระไนแบบกลม
เหลี่ยมเพชร หรือเหลี่ยมเกสร (Round Brilliant) ซึ่งการเจียระไนแบบนี้ จะสามารถแสดงลักษณะ
เด่นพิเศษ ของเพชรออกมาให้เห็นได้ สวยงามชัดเจนที่สุด รูปแบบอื่นๆ ที่เป็นที่นิยม รองลงมาได้
แก่ รูปไข่ (Oval Shape) รูปหัวใจ (Heart Shape) รูปสี่เหลี่ยมแบบมรกต (Emerald cut)
รูปสี่เหลี่ยมแบบปริ้นเซส (Princess cut) รูปมาร์คีส์ รูปหยดน้ำ (Pear Shape) (ลูกแพร์) เป็นต้น
ซึ่งเรียกว่า แบบแฟนซี (Fancy Shape Diamond) นอกจากนี้ อาจจะพบเพชร ที่มีการเจียระไน
ในรูปแบบแปลกๆ เป็นพิเศษ เฉพาะตัวได้ เช่นกัน
เนื่องจากราคาของเพชรขึ้นอยู่กับคุณภาพของเพชรแต่ละเม็ด จึงมีการจัดระดับคุณภาพของเพชร
ตามกฎ 4 C's ซึ่งประกอบด้วย กะรัต (Carat) ความใสสะอาด (Clarity) การเจียระไน (Cutting)
และสี (Colour) โดยเพชรที่มีน้ำหนักกะรัตมากย่อมมีราคาต่อกะรัตสูงกว่าเพชรที่มีขนาดเล็กคุณ
ภาพการเจียระไน ก็มีผลต่อความสวยงาม จึงมีผู้คิดค้นรูปแบบการเจียระไนแบบต่างๆ เพื่อให้ได้
เพชรที่มีประกายแวววาวสวยงามที่สุด แม้ว่าเพชรในธรรมชาติมีได้หลายสีที่พบมากคือตั้งแต่ไม่มี
สีจนถึงค่อนข้างเหลือง สำหรับเพชรที่มีสีสวยงาม เช่น สีน้ำเงิน ชมพู แดง หรือเหลืองสด จัดเป็น
เพชรสีแฟนซี ซึ่งหายากและมีราคาแพง แต่ที่นิยมนำมาใช้ทำเครื่องประดับโดยทั่วไป จะไม่มีสี
ค่อนข้างเหลืองอ่อน ระดับความใสสะอาดที่เป็นที่นิยมใช้ทำเครื่องประดับโดยทั่วไปจะใส - ค่อน
ข้าง ใส คือมีตำหนิน้อยที่สุด สำหรับเพชรที่มีคุณภาพความสะอาดต่ำหรือมีมลทินภายในมากจน
ทำให้เกิด ความไม่สวยงามนั้นจะนำมาใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ผงขัด หัวขุดเจาะ เป็นต้น
แหล่งเพชรที่มีขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งสำคัญของโลกได้แก่ ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ซาอีร์
นามีเบีย บอสวานา รัสเซีย แคนาดา และจีน ผลผลิตเพชรทั้งหมดทั่วโลกจะมีประมาณ 100 ล้าน
กะรัตต่อปี และจะมีเพียง 20 เปอร์เซนต์จากจำนวนนี้เท่านั้น ที่เป็นเพชร ที่มีคุณภาพ ทางรัตนชาติ
ที่เหลือจะเป็นเพชร ใช้ในทางอุตสาหกรรม ต่างๆ และจากผลผลิต เพชรทั้งหมด จะมีประมาณ 80
เปอร์เซนต์ที่ถูก ควบคุมการตลาดการซื้อขาย
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเพชร
เพชรเป็นวัตถุทางะรรมชาติที่มีความแข็งที่สุด เพชรแข็งกว่าแร่ธาตุที่มีความแข็งเป็นอันดับ 2
ถึง 58 เท่า
" เพชรทุกเม็ดเป็นอัญมณีที่มีความเก่าแก่และถือกำเนิดก่อนไดโนเสาร์ เพชรที่มีอายุน้อยที่สุด
มีอายุ 900 ล้านปี และเพชรที่มีอายุมากที่สุดมีอายุถึง 3,200 ล้านปี"
เพชรมีองค์ประกอบทางเคมีเป็นคาร์บอนถึงแม้ว่าในทางชีวเคมีเพชรไม่ได้แตกต่างจากถ่านหิน
หรือถ่านไส้ดินสอที่ใช้เขียนหนังสือ แต่สิ่งที่แตกต่างคือเพชรได้ผ่านความร้อนและความกดดัน
สูงที่สุดในโลก
บีบอัดจนกลายเป็นอัญมณีที่มีค่าสุงที่สุดในโลก
เพชรต้องเจียระไนด้วเพชรเท่านั้น
เพชรที่ได้จากการขุดพบมีทุกสี และสีที่หายากที่สุดคือ สีแดง
เพชรทุกเม็ดมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ไม่มีทางที่เพชรสองเม็ดจะเหมือนกัน
เพชรจำนวนมากกว่าครึ่งของโลกมาจากแหล่งเพชรในทวีปแอฟริกา
เพชรดิบแต่ละเม็ดจะสูญเสียน้ำหนักไปมากกว่าครึ่งในกระบวนการเจียระไนกว่าจะมาเป็นเพชร
ที่เปล่งประกายเจิดจรัส
คำว่า"carat"มาจากคำว่า carob ซึ่งเมล็ดของเป็นต้น carob ถูกนำมาใช้เป็นหน่วยมาตรฐาน
สำหรับการชั่งน้ำหนักเพชรพลอย
ในบรรดาเพชรที่ถูกนำมาทำเครื่องประดับ มีเพียง 5% เท่านั้นที่มีขนาดใหญ่เกิน 1 กะรัต
คุณสมบัติจำเพาะของ เพชร (Diamond)
เพชร มีองค์ประกอบทางเคมีเป็นธาตุคาร์บอน (C)
ผลึกเพชรอยู่ในระบบคิวบิก (Cubic)
มีรูปผลึกส่วนใหญ่เป็นแบบออกตะฮีดรอล (Octahedron)
แร่มีความแข็งมากที่สุด มีความแข็งเท่ากับ 10 ในโมสเกล หรือแข็งมากกว่าทับทิม 140 เท่า
(Mohs' Scale of Hardness)
ความถ่วงจำเพาะ 3.52
ค่าดัชนีหักเห 2.417
การกระจายแสง . 044
สีที่เห็นบริเวณส่วนล่าง สีส้มและฟ้าของเพชร ( Pavilion )
ความสามารถเรืองแสงมักจะเรืองแสงสีฟ้าอ่อน-เข้ม ( Ultraviolet Lamp คลื่นสั้นและคลื่นยาว)
14 มีนาคม 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น